" ธีรพันธ์ บุญบาง : ผู้นำวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง "
ธีรพันธุ์ บุญบาง เกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม
พ.ศ.2497 เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวน 6 คน ของนายแหวน บุญบาง (อดีตกำนันตำบลหนองบัว) กับนางคำ บุญบาง
ศึกษาจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนโพฒิสารศึกษา
อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์
ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ (การปกครอง)
ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เริ่มต้นชีวิตการเป็นผู้นำด้วยการเป็นผู้ใหญ่บ้านตั้งแต่ปี
2530 ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 1 ตำบลหนองบัว อำเภอหนองบัว
จังหวัดนครสวรรค์ สมรสกับนางกาญจนา
บุญบาง มีบุตร,ธิดา
รวม 3 คน โทรศัพท์ 056-251252
และ 086 – 2034703
นับแต่เยาว์วัย จวบจนวัยหนุ่ม
ธีรพันธุ์ บุญบาง ได้เรียนรู้และซึมซับความเป็นนักปกครองและนักพัฒนาจากกำนันแหวน
บุญบาง ผู้เป็นบิดาไว้อย่างแนบแน่น จิตวิญญาณของนักปกครองและนักพัฒนาได้ปลุกเร้าความสำนึกของธีรพันธุ์
บุญบาง อยู่ตลอดเวลา
จนกระทั่งในปีพุทธศักราช 2530 ธีรพันธุ์ บุญบาง ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลหนองบัว อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์
ระหว่างการเป็นผู้ใหญ่บ้านธีรพันธุ์ บุญบาง ได้ริเริ่มนำผู้ติดยาเสพติดในหมู่บ้านที่มีอยู่จำนวน
13 ราย มาทำการบำบัดรักษาในลักษณะของ " ธรรมบำบัด "
ผลงานครั้งนั้นทำให้อำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดนครสวรรค์ส่งผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดรักษากับธีรพันธุ์
บุญบาง เป็นจำนวนถึง 8 รุ่น ๆ ละ 120 คน
บ้านเนินน้ำเย็น หมู่ที่
1 ตำบลหนองบัว อำเภอหนองบัว
จังหวัดนครสวรรค์ ในความปกครองดูแลของ
ธีรพันธุ์ บุญบางมีจำนวนครัวเรือนถึง 323
ครัวเรือน ประชากร จำนวน 1850 คน อาชีพส่วนใหญ่ทำนา
และทำสวน ธีรพันธ์ บุญบาง และคณะกรรมการหมู่บ้านได้แบ่งการปกครองออกเป็น
22 คุ้ม คณะกรรมการหมู่บ้านของธีรพันธ์
บุญบาง พบว่าประชากรส่วนใหญ่ขาดการศึกษา ไม่มีความรู้ในการบริหารจัดการระบบต้นทุนในการประกอบอาชีพ ทำให้ฐานะยากจนมีผู้ตกเกณฑ์ความจำเป็นพื้นฐานเรื่องรายได้เป็นจำนวนมากกว่า
100 ครัวเรือน ธีรพันธ์ บุญบาง
และคณะกรรมการหมู่บ้านได้นำระบบการจัดทำบัญชีครัวเรือนมาใช้ทุกครัวเรือน
มีการวิเคราะห์รายรับ รายจ่าย
ของครัวเรือนและชุมชน บ้านเนินน้ำเย็นของ
ธีรพันธ์ บุญบาง จึงได้รับการคัดเลือกเป็นหมู่บ้านต้นแบบการจัดทำบัญชีครัวเรือนของกรมตรวจ บัญชีสหกรณ์
*คลิป
ผลการทำงานของ
ธีรพันธ์ บุญบางทั้งด้านการปกครองและการพัฒนา
ส่งผลดีต่อประชากรของบ้านเนินน้ำเย็นเป็นอย่างมาก ทำให้ธีรพันธ์ บุญบาง
ได้รับรางวัลจากหน่วยงานต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีพุทธศักราช
2546 ธีรพันธ์ บุญบาง
ได้รับรางวัลผู้ใหญ่บ้านยอดเยี่ยมแหนบทองคำ จากกระทรวงมหาดไทย ขณะเดียวกันธีรพันธ์
บุญบาง ซึ่งเชื่อมั่น และศรัทธาต่อแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้น้อมนำแนวคิดของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ปฏิบัติในครอบครัว
ด้วยการนำหลักการพอประมาณขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มาปฏิบัติในพื้นที่ 1 งาน
ด้วยการดำนาปลูกข้าว เลี้ยงปลาดุกและเลี้ยงกบไปพร้อม ๆ กัน ธีรพันธ์ บุญบาง ค้นพบว่าพื้นที่ 1 งาน
สามารถผลิตข้าวเปลือกได้ถึง 27 ถัง
ปลาดุก 190 กิโลกรัม กบ 235 กิโลกรัม ภายในระยะเวลา 3 เดือน คิดเป็นรายได้ 29,600 บาท
ในรอบระยะเวลา 1 ปี สามารถทำรายได้เช่นนี้ได้ 3
ครั้ง จึงทำให้ 1 ปี
มีรายได้ถึง 88,800 บาท
นอกจากนี้ยังพบว่าแมลงและวัชพืชที่เกิดในนาสามารถเป็นอาหารของกบและปลาได้ด้วย ขณะเดียวกันขี้ปลา ขี้กบ
ยังเป็นปุ๋ยให้แก่ต้นข้าวได้เป็นอย่างดี กระบวนการในพื้นที่นา
1 งานของธีรพันธุ์ จึงเป็นกระบวนการที่มีทั้งความพอประมาณ
ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้นกัน ไปในตัว รายได้จากการใช้พื้นที่นา
1 งานทำให้ครอบครัวของธีรพันธุ์มีรายได้อย่างเพียงพอ
จากพื้นที่เพียง 1 งาน ธีรพันธุ์ ได้ขยายพื้นที่เป็น 1 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น
4 ส่วน ๆ ละ 1 งาน มีการจัดระบบน้ำ พืช และสัตว์ ให้สามารถเกื้อกูลและสนับสนุนกันได้
►ส่วนที่
1 ธีรพันธุ์ ใช้พื้นที่สร้างคอกหมู คอกไก่ และทำนาบัว โดยให้คอกหมู คอกไก่ อยู่ในพื้นที่สูง และระบายมูลสัตว์จากคอกลงสู่นาบัว ที่เลี้ยงปลาดุกและกบไว้ด้วย พื้นที่ในส่วนนี้ธีรพันธุ์ มีรายได้จากการขายดอกบัว ปลาดุก กบ หมู และไก่ รวมทั้งมีการปลูกพืชผักสวนครัวไว้รอบนาบัวด้วย
►ส่วนที่
2 เป็นพื้นที่ทำนาปลูกข้าว เลี้ยงปลาดุก และเลี้ยงกบ
พื้นที่ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่ราบต่ำเพื่อระบายน้ำจากพื้นที่ส่วนที่ 1 ลงสู่พื้นที่นี้
►ส่วนที่
3 เป็นพื้นที่ใช้เพาะต้นกล้าเพื่อนำไปดำนา รวมทั้งมีร่องน้ำเลี้ยงปลาดุก ปลูกพืชผักสวนครัวทั้งชะอม ตะไคร้ ขิง ข่า กระเพราและโหระพา
►ส่วนที่
4 เป็นพื้นที่อยู่อาศัย
ธีรพันธุ์ใช้พื้นที่ส่วนนี้ปลูกบ้านพักอาศัยขนาดพออยู่อาศัย ใต้ถุนบ้านมีบ่อเลี้ยงกบ ปลาดุก และเลี้ยงเป็ดไข่ไว้ด้วย
ธีรพันธุ์ บุญบาง
แสดงทัศนะไว้ว่า " ความสำเร็จของการทำงาน
ขึ้นอยู่กับผู้นำเป็นหลัก ผู้เป็นผู้นำจะต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองว่าสามารถทำงานให้สำเร็จได้
และต้องเชื่อมั่นต่อเพื่อนร่วมงานรวมทั้งคนในชุมชนว่าพวกเขามีความสามารถที่จะทำงานให้สำเร็จได้
เหนืออื่นใดเราจะต้องมีความเชื่อมั่นและศรัทธาต่องานที่ทำว่าสามารถอำนวยประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้
ขณะเดียวกันผู้นำจะต้องมีความรู้ในงานที่ทำอย่างถ่องแท้
รวมทั้งต้องมีคุณธรรมเป็นเครื่องกำกับด้วย
ธีรพันธุ์ บุญบาง
เริ่มต้นการพัฒนาตนเองด้วยการนำตัวชี้วัดมาตรฐานงานชุมชน รดับบุคคล
มาเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเอง พร้อม ๆ
กับส่งเสริมให้ผู้นำในชุมชนได้ใช้แนวทางนี้พัฒนาตนเองด้วย ทำให้กระบวนการทำงานในบ้านเนินน้ำเย็น ของธีรพันธุ์ บุญบางมีพลังเพื่อจัดการกับปัญหาของชุมชนได้
รายได้จากการใช้พื้นที่
1 ไร่ ของธีรพันธุ์ บุญบาง สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวของธีรพันธุ์
ได้เป็นอย่างดี และยังเป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ในการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรมและสามารถถ่ายทอดให้แก่ผู้สนใจได้เป็นอย่างดียิ่ง
*คลิป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น